วันศุกร์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2557

บทที่ 1 พลัง- พระเจ้า -หลั่งเลือด

 
  


    พลัง-  
เสียงการทดลอง หยด สารเคมีบางอย่างลงใน หลอดทดลอง
 " อ้า~เสร็จสมบูรณ์แล้วสิน้ะ ดีล่ะทีนี้ความหวังของผมก็จะมาเยือนอีกครั้ง ". 
 ชายคนนึงรูปร่างสูงผอมผมยุ่งๆ ใส่แว่นเลแบน ปากคาบปรอทวัดไข้ สวมเสื้อคล้ายนักวิทยาศาสตร์
 " แต่ผมจะไปทดลองกับใครได้ล่ะ แย่จริงๆ" เค้าบ่นกับตัวเอง ซักพัก มีเด็กสาว ผมทวิลเทล สีทองในตาสีแดง ราวกับดอกกุหลาบ เดินเข้ามาแล้วบอกกับเค้าพร้อมกับรอยยิ้มแห่งความเจ้าเล่ว่า
 "ทดลองกับพวกเค้าสิค้ะ อาจารย์" 
 "อ้อ จริงด้วยสิน้ะ แต่พวกเค้าเป็นเพื่อนของเธอน้ะ " 
 "ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันพร้อมที่จะเข้าร่วมสงครามครั้งนี้ พร้อมกับเพื่อนพ้องของฉันค่ะ อาจารย์โน้ต"
 "นี่สิน้ะ ฮิคานะ เรน ของผม"  
 อาจารย์พูดด้วยน้ำเสียงดีใจ

                   ยามเช้าของวันศุกร์ที่ 1 มีนาคม พ.ศ 2545 เวลา 8:00 เหตุการ เป็นวันไปทัศนศึกษา ของนักเรียน ปวช. 2/1 การโรงแรม
     ความรู้สึกตอนเช้าของการไปทัศนศึกษานั้น บางคน อาจเบื่อหน่ายที่ต้องไปทัศนศึกษากับเพื่อนๆ แต่เพราะเป็นหน้าที่และถูกบังคับให้ไป โดย อาจารย์มักพูดว่าหากไม่ไปก็จะตกกิจกรรมซึ่งนักเรียนก็ไม่ค่อยชอบคำพูด ที่เต็มไปด้วยการบังคับ มันไม่ใช่การเชิญชวน ให้นักเรียนอยากไปทัศนศึกษานั่นเอง และคิดว่าอยู่บ้านเล่นเกมส์ยังดีเสียอีก แต่นักเรียนบางคนกลับเบื่อหน่ายที่จะต้องอยู่บ้านฟังพ่อแม่บ่น และใช้งาน ทำให้อยากจะอยู่นอกบ้านมากกว่ากลับบ้านเสียอีก
      เสียงฝีเท้าเดิน นักเรียนกลุ่มแรกที่มาถึงโรงเรียน 
  "น่าเบื่อจังเลย ทำไมอาจารย์ต้องบังคับให้มาด้วยล่ะ แถมยังให้เราไปห้องเดียว อย่างงี้ก็น่าเบื่อแย่สิ "
  นักเรียน ชาย คนนึงพูดขึ้นในกลุ่มของเค้า ที่มีมากัน สาม คน
  " จะ บ่นอะไรนักหนา ถ้าไม่ไปทัศนศึกษาครั้งนี้ นายก็ตกกิจกรรมน้ะครับ " นักเรียนอีกคนนึงพูดขึ้นมา เมื่อพูดจบนักเรียนคนที่บ่น ก็เงียบๆไป และพอช่วงเวลา 8:50 นักเรียนของห้อง 2/1 ก็มากันครบทุกคน รวมทั้งห้อง 40 คน แบ่งออกเป็น หญิง 20 ชาย 20 เมื่อขึ้นรถทัวกันครบ อาจารย์ที่ปรึกษาก็ขึ้นมาบนรถ อาจารย์คนนี้ไม่มีใครรู้ชื่อจริงแต่นักเรียนส่วนใหญ่เรียกว่า อาจารย์โน้ต นิสัยของอาจารย์ที่ทำให้เป็นจุดเด่นนั่นคือการชอบพูดแบบจับใจความไม่ได้ พูดวกไปวนมา แต่นักเรียนบางคนก็พูดเอาฮา ว่า อาจารย์อย่างงี้คงเคยเป็นนักฆ่ามาก่อน เพราะอะไรที่อาจารย์พูดมาก็ตาม มักไม่ตรงกับคำถามที่นักเรียนถามไป บางคนยังบอกเลยว่า มาเป็นอาจารย์ได้ยังเนี่ย
    เมื่ออาจารย์ขึ้นรถมาบนรถบัสก็เริ่มเช็คชื่อนักเรียน เรียงตามเลขที่ไปจนครบคนสุดท้าย เมื่อครบตามจำนวน รถบัส ที่จะไปทัศนศึกษานี้ก็ออกตัวและมุ่งออกสู่ถนนเลี่ยงเมือง เมื่อรถแล่นมาได้ซักพักนึงนักเรียน ที่คุยกันเสียงดัง ก็เริ่มเงียบและเริ่มมองพฤติกรรมแปลกๆของอาจารย์โน้ตนั่นคือ อาจารย์เค้าก้มลงไป และหยิบหน้ากากกันแก็สขึ้นมาสวม นักเรียนทุกคนต่างมองด้วยความงง ว่าอาจารย์จะหยิบขึ้นมาสวมทำไม เมื่ออาจารย์สวมหน้ากากกันแก็สเสร็จ ก็ลุกขึ้นและหยิบกระเป๋าที่อยู่บนชั้น เก็บของด้านบนที่นั่งลงมา และวางลงตรงหน้าของเค้า 
  " เอาล่ะ! นักเรียนที่รักของอาจารย์ ในที่สุดวันที่พวกเธอ จะเป็นประโยชน์ต่ออาจารย์ก็มาถึง ในกระเป๋าใบนี้มีพลังที่พระเจ้าจัดสรรไว้ให้ตามความสามารถ ของแต่ละคน พลังนี้จะดึงความสามารถที่เหนือกว่าคนทั่วไปของพวกเธอออกมา จงสูดดมพลังแห่งพระ.."
  "จะบ้ารึไง !! จู่ๆก็พูดถึงเรื่องพระเจ้าบ้างล่ะ พลังบ้างล่ะ นี่อาจารย์บ้าไปแล้วรึไงครับ!!"
นักเรียนคนนี้พูด้วยน้ำเสียงที่แข็งกล้าปนด้วยความหวาดกลัว
 " ยังไม่รู้อะไรซะแล้ว คุณรามิส แม็คไซปรัส พลังนี้น่ะถูกรังสรรโดยความสามารถของพระผู้เป็น ถึงพูดไปพวกแกคงไม่เข้าใจ งั้นจงรับพลังนี้ไปซะ!!!"
 อาจารย์ที่ยืนอยู่ในท่ากอดอกอยู่นั้น ในมือขวามีสวิตซ์เปิดช่องระบายแก็สภายในกระป๋าอยู่ซึ่งอาจารย์กดมันหลังจากพูดจบแล้ว เมื่อช่องแก็สในกระเป๋าเปิดออก แก็สก็ได้ฟุ้งไปทั่วรถ ทำให้นักเรียนที่สูดดมแก็สสลบลงไปชั่วพริบตา ในรถบัสนั้นเงียบเหมือนไม่มีใครอยู่ ถ้าฟังดีๆก็ได้ยินแต่เสียงเครื่องยนของรถบัสเพียงแค่นั้น
  
    
       พระเจ้า-
       เย็นวันศุกร์ที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2545 เวลา 5:45 เหตุการ:  -ไม่มี-
     ยามเย็นของวันศุกร์นักเรียนทุกคนต่างลืมเหตุการบนรถบัสไปกันหมดและตื่นขึ้นบนเตียง ที่บ้านของตนเอง และใช้ชีวิตในวันนั้นกันอย่างปกติต่อไป โดยที่พ่อแม่ก็ไม่รู้เช่นเดียวกัน ไม่มีการตั้งคำถามใดๆจาก พ่อหรือแม่ หรือตัวเอง และใช้ชีวิตกับวันศุกร์ตามปกติโดย สิ่งที่จำได้มีก็แค่ วันนี้ไม่มีเรียนที่โรงเรียน 
      เช้าวันจันทร์ที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2545 เวลา 7:20 เหตุการ :   นักเรียนมาโรงเรียน,วันที่ 4 หลังจากสูดดมแก็ส
   วันนี้อากาศค่อนข้างมัวหมอง ท้องฟ้ามีเมฆบดบัง ราวกับว่าฝนจะตก นักเรียนที่มาโรงเรียนวันนี้ ต่างมีอาการหลบสายตาเพื่อนของตน และพยายามเรี่ยง การเจอเพื่อนห้องเดียวกัน เมื่อมาถึงห้องเรียน ที่วันนี้นักเรียน มากันไม่ครบ ขาดหายไป 9 คน โดยไม่มีใครรู้เลยว่า 9 คนนี้คือใคร 
   เวลา 8:20 คาบโฮมรูม นักเรียนทุกคนต่างพากันนั่งที่ เพื่อเตรียมพบปะ กับอาจารย์ที่ปรึกษาเมื่ออาจารย์เดินเข้ามา ไม่มีใครจำได้เลยว่าอาจารย์ผู้นี้ คือผู้ที่กำลังจะทำให้เด็กนักเรียนห้อง 2/1 เกิดเรื่องราวอันแสนโหดร้ายขึ้น 
  "นักเรียนทุกคนทำความเคารพ"
  เสียงหัวหน้าห้องสั่งทำความเคารพ โดยสายตาของ ฮิคานะ เรน จ้องมองในตาของอาจารย์ และยิ้มแบบเจ้าเล่ โดยที่ทั้งสองต่างรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น โดยที่เก็บเงียบเอาไว้
  เมื่อนักเรียนทำความเคารพอาจารย์เรียบร้อย อ.โน้ต ก็พูดขึ้น
 "เอาล่ะ เมื่อเช้าได้ยินมา ว่าพวกเธอ มีพลังวิเศษอะไรกันรึ?"
 " อาจารย์ครับ จู่ๆมันก็เกิดขึ้นกับพวกเรา แค่เฉพาะหัองเราเท่านั้นน่ะครับ อาจารย์พอรู้สาเหตุมั้ยครับ"
  รามิส เริ่มเปิดคำถามกับอาจารย์ ในคนะนั้นทุกคน ที่มีพลังวิเศษ ที่อาจจะรู้แล้ว หรือยังไม่รู้ว่าตนมีพลังอะไรเกิดขึ้นมา ก็ตั้งหน้าตั้งตาฟังกันอย่างใจจดใจจ่อ ว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร โดยที่ไม่รู้ว่ามันเป็นฝีมือของอาจารย์นั่นเอง ที่ทำให้เกิดเหตุการดังกล่าวขึ้น
  ตอนนั้นเอง อ. ก็หัวเราะขึ้นมาและพูดปนขำ
  " มันคือฝีมือของ อาจารย์เอง   ในที่สุดพลังของพวกแก ก็ปรากฎแล้วสิน้ะเอาล่ะ ผมจะอธิบายกฎของ สงครามแห่งบาปให้ฟังกันน้ะ สงครามแห่งบาปครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 เราจะจัดทำขึ้นเพื่อที่จะให้เราได้ตามหาพลังที่แปลกใหม่ พลังที่ ผลสุดท้ายแล้วมัน จะถูกตัดสินให้พลังนั้นกลายเป็นพลังของพระเจ้า กฎมีอยู่ว่า 1.มีเวลา 3 เดือนในการตัดสิน โดยผู้ที่รอดคนสุดท้าย จะได้ยาแก้พิษ เพราะเยาวชนอย่างพวกแกน่ะ ไม่มีภูมิต้านทานพลังของพระเจ้า เพราะฉะนั้น วันสุดท้ายของเดือนที่สาม เมื่อเวลาเที่ยงคืนมาถึงผู้ที่ยังคงมีชีวิตอยู่ ก็จะตายลง แต่ถ้า เหลือรอดคนสุดท้าย ผมจะไปตามหาและพาตัวคนสุดท้ายมาฉีดยาแก้พิษเอง
                        2.ห้ามบอก คนอื่นนอกจากคนในห้องนี้ ไม่งั้น แก กับคนที่แกไปเล่าให้ฟัง จะถูกสังหารตาย กันหมดทั้งตระกูลแน่ๆ   ตำรวจก็ช่วยอะไรไม่ได้หรอก เพราะตำรวจนี่แหละคือคนที่จะไปฆ่าพวกแก"
  "เอาล่ะ สองข้อง่ายๆ มีคำถามมั้ยครับ"
  นักเรียนทุกคนต่างนั่งเงียบ
 " ปึ้ง!! " เสียงทุบโต๊ะ เวอจิว แพนนิค นักเรียนชายคนนี้ลุกขึ้นแล้ว ขู่ อ.โน้ต ว่าจะไปแจ้งตำรวจ และอาจารย์คนอื่น เวอจิวรีบเดินออกไปทางประตูหลังห้องเรียนแต่ พอเวอจิว ก้าวเท้าขวาออกนอกห้องไป มีดที่ขว้างมาจาก อาจารย์ ก็ปักเข้ากลางหลังเวอจิว 
 "อั่ก" เสียงสุดท้ายที่ เวอจิวร้องออกมา พร้องกับเลือดที่สาดกระเส็น ออกมาจากอก ก่อนที่จะล้มทั้งยืนลงไปตอนนั้นเองที่ทุกคนในห้องต่างสติแตก บ้างก็จะวิ่งออกไปจากห้องแต่อาจารย์ก็ ดักไว้ก่อน บ้างก็นั่งเอามือกุมหัว บ้างก็ร้องไห้ 
 " เห็นมั้ยล่ะ นี่แหละคือ คนทรยศต่อ การสรรสร้างของพระผู้เป็นเจ้า ของให้โชคดีกับการต่ิสู่ล่ะ"
 อาจารย์เดินไปทางหลังห้องและลากศพเวอจิวออกไปตามทางเดิน
    หลั่งเลือด-
  เวลา 9:20 นักเรียนทุกคนนั่งเรียนด้วยความเครียด ไม่มีอาจารย์คนใดถามถึงคราบเลือดหลังห้องเลยแม้แต่คนเดียว เมื่อถึงช่วงพักกลางวัน ฮิคานะ เรน หรือ เรน ที่เป็นหัวหน้าห้องซึ่งเธอเองก็อยากรู้พลังของแต่ละคน จึงใช้กลอุบายของเธอให้ทุกคนพูดพลังของตนออกมา ตามเลขที่
 " ทุกคนฟังทางนี้ ฉันอยากรู้ว่า ทุกคนมีพลังอะไรกันบ้าง ให้เริ่มตามรายชื่อเลขที่ของทุกคนน้ะ"
เมื่อพูดจบ ผู้ที่มีเลขที่ 1 นาย ชาโน่ สตาเรอ นักเรียนคนนี้ค่อนข้างชอบอยู่คนเดียว ค่อนข้างเงียบเพื่อนบางคนยังลืมไปเลยว่ามีคนๆนี้อยู่ในห้องด้วย
 " พลังของผม....…ขอไม่บอกล้ะกัน เรื่องอะไรจะบอกกับเธอล่ะ ยังไงซะทุกคนก็ต้องฆ่ากันตายอยู่แล้วนี่" 
  ชาโน่พูดมาอย่างงั้น มันอาจจะเป็นเรื่องที่ทุคนรับไม่ได้ก็จริง แต่สุดท้ายของท้ายสุดแล้วทุกคนก็ต้องฆ่าเพื่อนของตนเพื่อให้รอดไปได้จากการตาย ภายใน สามเดือน 
 " แต่เราควรจะรู้ถึงพลังของแต่ละคนก่อนน้ะ จะได้แฟร์ๆกันไงล่ะ"
 คำพูดนี้ไม่น่าออกมาจากปากของ นักเรียนที่เรียนที่เรียนเก่งที่สุดในห้องยังไง ความคิดที่ออกไปทางความเห็นแก่ตัวโดยพูดให้เหมือนจะดูดี แต่แฝงไปด้วยเล่ห์เหลี่ยม ของ เนโร่ มานาลิก
เมื่อ พูดจบลง ชาโน่ จึงยอมบอกพลังของตน 
 " พลังของฉัน คือ มองทะลุกำแพง "
 ซึ่งมันเป็นพลังที่แท้จริงรึปล่าวก็ไม่มีใครรู้ได้ การที่จะยอมพลังของตน กับ ผู้ที่ผลสุดท้ายเราก็ต้องฆ่า ทุกคนอยู่ดี  คนต่อไปคือ เลข ที่ 2 รามิส แม็กไซปรัส นักเรียนชายคนนี้คือคนที่พูดมาก ปากเสียเป็นที่สุด และไม่ค่อยรู้จักสัมมาคารวะ เพื่อนๆต่างไม่ค่อยชอบเท่าไหร่
 " พลังของฉัน คือ ใช้ไฟได้ "
 เลขที่ 3 โทซากะ อายูมิ เด็สาวที่หน้าตาดี ผมแตะบ่า นิสัยดี เป็นที่รักของเพื่อนๆ
 "พลัง...เหรอค้ะ…ขอไม่บอกค่ะ!!"
 " งั้นใครไม่อยากบอกก็ไม่ต้องบอกล้ะกันนัะ"
เรน ที่คิดว่า บางคนอาจรู้แผนการของตน และเห็นว่า หากยังบังคับต่อไป ทุกคนคงจะไม่ยอมบอกแน่. ต่อไป เลข ที่ 4 ฟินิก้า โฟเรีย เพื่อนสนิท ของ อายูมิ เป็นเด็กสาวที่ค่อนข้างขี้อาย ไม่ค่อยพูดเสียเท่าไหร่  เมื่อตรวจดู เรน ที่ได้จดความสามารถของแต่ล้ะคนไว้ ก็เดิน เข้าไปหา คุโระ ฮาโตะ เด็กผู้ชายที่หน้า คล้ายเด็กผู้หญิง เรน ได้แตะไหล่ของ คุโระ โดยที่ คุโระ ได้หันมามอง โดยนึกว่า ใครกัน? แต่การแตะไหล่ครั้งนั้น จะทำให้ คุโระ กลายเป็น หุ่นเชิดของ เรน
 " งั้นฉันกลับบ้านก่อนล้ะกัน " ชาโน่ลุกขึ้นหยิบกระเป๋า และเดินออกจากห้องไป โดยไม่แคร์ เพื่อนๆ หรือ อาจารย์ และเดินออกไปนอก โรงเรียน   ทุกคนที่เริ่มใจไม่ดีแล้ว จึงคิดจะเกาะกลุ่มกัน และเตรียมที่จะ ต่อสู้ 
 " นายจะทำยังไงต่อไป เชสเซอร์ ความคิดที่เลวร้าย เริ่มขึ้นแล้วน้ะ "
 มาณี มอสคอส เพื่อนสมัยเด็ก ของ เชสเซอร์ สปีด ผู้ที่เป็นนักเรียนที่ลึกลับในห้องนี้ 
 " ตอนนี้เราต้องดูเหตุการไปก่อนล่ะมั้ง "
 ถึง สปีด ไม่พูด มาณี ก็รู้ เพราะ พลังของเธอ คือ การอ่านใจคน และ พลังของ สปีด คือ การย้ายที่อย่างรวดเร็ว ( วาป ) สองพลังนี้ คือพลังที่แท้จริง และ มาณีก็รู้แผนการ ของ เรน ทำให้ทั้งสองต้องโกหก เรื่องพลังของตน หากทั้งสอง ยอมบอกพลังที่แท้จริงไป ก็จะทำให้ เรน วางแผน หักล้าง พลังของ สปีด และ มาณีได้
 " อะไรว่ะ !!"
เสียงตะโกนออกมา ทางหลังห้องเรียน โดยที่ ตอนนั้น ทุกคนเริ่มโต้เถียงกัน และ มีแนวโน้มที่จะเกิดการปะทะกัน ทำให้ บางคนเดินออกจากห้องไป และมุ่งหน้า กลับ บ้านโดยทันที 
  วันจันทร์ ที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2545 เวลา 16:43 
นักเรียน ส่วนใหญ่ ได้เดินทางกลับบ้าน ไปเกือบหมดแล้ว เหลือแต่เพียง สมาชิกชมรม บางกลุ่มที่ ยังคงเหลืออยู่ และ ผู้ที่ทำเวร ประจำวัน อายูมิ ที่กำลังจะเอาขยะไปทิ้ง หลัง โรงเรียน เมื่อเดินมาถึง อายูมิ ก็เห็นก็อก น้ำที่อยู่ถัดจาก ถังขยะ ถูกเปิดทิ้งไว้ อายูมิ ที่กำลังจะเดินเข้าไปปิด เมื่อเธอ เอื้อม มือไปไกล้ถึงก็อกน้ำ น้ำที่ไหลอยู่ กลับหยุดนิ่ง อายูมิ รู้สึกถึง ความเย็นของสายน้ำ และเธอสามารถ ควบคุม น้ำ ได้ อย่างที่ตนนึก ในขณะนั้น น้ำ ก็เกิดการแข็งตัว และกลายเป็นน้ำแข็ง แตกหน่อปลายแหลมพุ่งเข้าใส่ อายูมิ แต่เธอ กระโดดหลบมาด้านข้าง หลบทิศทางของน้ำแข็ง อายูมิ พยายามยืนอยู่ที่โล่ง ที่ห่างก็อกน้ำ
 เธอ พยายาม มองหาผู้ที่ควบคุมน้ำแข็งนั้น หลังต้นไม้ มีเงาคล้าย คนอยู่
 " ใครน่ะ !! ต้องการอะไรกัน ทำไมล่ะ เราเป็นเพื่อนกันไม่ใช่เหรอ "
 ทันใดนั้น น้ำแข็ง ก็พุ่ง เข้ามา หา อายูมิ ปลายที่แหลม ราวกับ หอก แต่ อายูมิ กระโดดหลบ ไปด้านข้าง น้าแข็งที่ พุ่งใส่ มันแตกหน่อ ยอดปลายแหลม พุ่งเข้าใส่ อายูมิ ในชั่วพริบตา อายูมิ ที่หลับตา และเตรียมใจรับความตาย เธอ ไม่สามารถ หลบ ไปด้านไหนได้อีกแล้ว หลังเธอชนกับกำแพงอาคารเรียน ไม่มีทางใหเหนี อีกต่อไป
  เมื่อ อายูมิ ลืมตาขึ้นมา เธอ ก็ถูกพามาที่หน้าโรงเรียน เมื่อเธอหันไป ก็เจอกับ สปีด กับ มาณี ทั้งสอง คน ช่วยเธอหนีมาได้ และเดินจากไป อายูมิ ที่กำลัง รู้สึก ช็อก ก็เดินอย่างเหม่อลอย กลับบ้าน ของเธอไป
      

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น